ซื้อทองรูปพรรณ แบบไหนให้เหมาะกับตัวเอง

ซื้อทองรูปพรรณ นิยมซื้อมาเพื่อเป็นเครื่องประดับ และใช้มอบเป็นของขวัญในโอกาสพิเศษต่าง ๆ  เพราะมีการขึ้นรูปที่หลากหลายและรูปแบบที่สวยงาม ไม่ว่าจะเป็น สร้อยคอ, สร้อยข้อมือ, แหวน, กำไลข้อมือ แม้จะไม่นิยมซื้อมาเพื่อการลงทุน แต่ทว่าก็สามารถซื้อเพื่อเก็บสะสมไว้ หรือเก็งกำไรด้วยการซื้อมา-ขายไปเพื่อเพิ่มมูลค่าในช่วงราคาทองขึ้นได้ การซื้อทองรูปพรรณจึงมีความแตกต่างจากการซื้อทองคำแท่ง ที่มักมีวัตถุประสงค์ในการซื้อหลัก ๆ เพื่อการเก็บออม และการลงทุนในระยะยาว

การซื้อทองรูปพรรณ คืออะไร?

การซื้อทองรูปพรรณ คือ การซื้อทองคำที่นำมาขึ้นรูปเป็นรูปแบบต่าง ๆ มักนิยมทำเป็นเครื่องประดับที่สวยงามเพื่อสวมใส่ โดยทองรูปพรรณแต่ละแบบนั้นจะมี “ค่ากำเหน็จ” หรือค่าแรงของช่างทอง ที่ทำการออกแบบจากทองคำแท่งมาเป็นทองรูปพรรณ โดยค่ากำเหน็จจะขึ้นอยู่กับความยากง่ายของทองรูปพรรณแต่ละแบบ โดยทั่วไปจะอยู่ประมาณ 500 – 3,000 บาท ขึ้นอยู่กับแต่ละร้านทองจะตั้งมา โดยสมาคมค้าทองคำ ประกาศราคาค่ากำเหน็จไว้ที่ขั้นต่ำ 500 บาท ต่อหนึ่งบาททองคำ ซึ่งราคานี้ไม่เป็นการบังคับ ทั้งนี้ กรณีคุณซื้อทองรูปพรรณมาแล้ว และต้องการนำทองกลับไปขาย เราจะได้ราคาขายคืนต่ำกว่าราคาที่ซื้อ เนื่องจากไม่ได้รวมค่ากำเหน็จลงไปด้วย และรวมถึงยังถูกหักค่าน้ำหนักน้ำประสานทองที่เป็นส่วนหนึ่งในการเชื่อมรอยต่อของทองรูปพรรณ

ข้อดีของการซื้อทองรูปพรรณ

• การซื้อทองรูปพรรณมีราคาเริ่มต้นที่จับต้องได้ 

• สามารถซื้อไว้เพื่อเก็บสะสม และลงทุนได้ 

• ใช้สวมใส่เป็นเครื่องประดับ เพื่อความสวยงาม เสริมบุคลิกภาพ และแสดงฐานะได้

ข้อเสียของการซื้อทองรูปพรรณ

• การซื้อทองรูปพรรณไม่มีผลตอบแทนอื่น ๆ เช่น ดอกเบี้ย หรือ เงินปันผล

• เสียค่ากำเหน็จในการซื้อ และไม่ได้ค่ากำเหน็จเวลาขาย

• เวลาขายจะถูกหักค่าน้ำหนักประสานทอง ประมาณ 5% ของราคาขาย

• กรณีซื้อมาเพื่อสวมใส่จะเกิดการสึกหรอ ทำให้มูลค่าของทองรูปพรรณลดลงเวลาขาย• เมื่อขายทองรูปพรรณคืนต่างร้านจะโดนกดราคา

รูปแบบของทองรูปพรรณ มีแบบไหนบ้าง?

การซื้อทองรูปพรรณ จะคิดน้ำหนักทองคำมาตรฐานของไทยมีหน่วยน้ำหนักเป็นบาท ใน 1 บาท จะมีน้ำหนักเท่ากับ 15.16 กรัม ในหน่วยสลึง 1 บาท จะมี 4 สลึง โดยรูปแบบของทองรูปพรรณจะแบ่งออกเป็น 6 รูปแบบ ดังนี้

  1. ทอง 99.99% หรือทอง 24k ถือเป็นทองบริสุทธิ์ที่สุด มีจุดเด่นที่ความนิ่ม และเหนียว มักนิยมนำมาทำเป็นสร้อยคอ 
  2. ทอง 96.5% หรือทอง 23.16k ซึ่งสมัยก่อนนิยมเรียกกันว่า ทองร้อยเปอร์เซ็นต์ หรือทอง 23k ซึ่งมีความบริสุทธิ์น้อยกว่าทอง 99.99% เล็กน้อย สีของทองจะมีความเหลืองกว่า และมีลักษณะเหลืองด้าน ๆ 
  3. ทอง 90% หรือทอง 20k มักนิยมนำมาใช้ทำจิวเวลรี่ เช่น เข็มกลัด แหวน เพราะเนื้อทองมีความแข็ง สามารถตะไบ หรือฉลุให้มีความเหลี่ยมได้ และคมสวยกว่าทองที่มีความนิ่ม ไม่ค่อยเกิดการบิดเบี้ยว อีกทั้งสีของทอง 90% จะมีความคล้ายคลึงกับทอง 96.5%
  4. White Gold หรือทองขาว มีส่วนผสมของทอง 75% ผสมกับแพลทินัม ในสัดส่วนที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับสูตรนั้น ๆ เพื่อให้ออกมาเป็นทองขาว 18k ซึ่งสามารถนำไปขึ้นรูปขึ้นทรงและทำลวดลายได้หลากหลายรูปแบบ
  5. ทองคำขาว คือแพลทินัม 100% ซึ่งจะมีความแข็งมาก จึงนิยมนำไปทำแหวนเพชร เพราะตัวหนามเตยที่ใช้เกาะเพชร มีโอกาสหลุดน้อยกว่าวัสดุอื่น จึงทำให้ราคาของแพลทินัมสูงมากเช่นกัน แต่ทว่าการทำลวดลายค่อนข้างจะจำกัด เพราะความแข็ง จึงทำให้ยากต่อการทำลวดลาย
  6. Pink Gold หรือ Rose Gold เป็นทอง 18k มีลักษณะเหมือนทองขาว โดยปกติส่วนผสมที่นิยมใช้กันใน Pink Gold 18k คือ ทองคำ 75% และทองแดง 25% ซึ่งจุดเด่นที่สำคัญ คือ ความแข็ง สีสันสวยงามจึงนิยมนำมาทำจิวเวลรี่ ถึงแม้จะแข็งแต่ก็ไม่ได้แข็งมากถึงขนาดดัดทรงหรือทำให้เป็นทรงสวยงามไม่ได้ ทั้งนี้ Rose Gold หรือ Pink Gold  แตกต่างกันเฉพาะชื่อเท่านั้น แต่นับเป็นทอง 18k ที่มีส่วนผสมของทอง 75% เช่นเดียวกัน แต่อาจแตกต่างกันที่ปริมาณทองแดงที่ผสมมากหรือน้อยเท่านั้น โดยยิ่งใส่ทองแดงมากเท่าไร ก็จะทำให้ทองคำดูมีสีแดงชมพูมากขึ้นเท่านั้น

เลือกซื้อทองรูปพรรณแบบไหนให้เหมาะกับตัวเอง

สำหรับใครที่กำลังอยากซื้อทองรูปพรรณ แต่ยังไม่รู้ หรือลังเลว่าควรเลือกแบบไหนดี วันนี้เรามีทริคดี ๆ ในการเลือกซื้อทองรูปพรรณให้เหมาะกับตนเอง เพราะจะซื้อทองรูปพรรณ ซึ่งเป็นของมีมูลค่าทั้งทีก็ต้องพิจารณาและคิดให้ถี่ถ้วนเสียก่อน เพื่อความคุ้มค่ามากที่สุด

  • เลือกซื้อทองรูปพรรณจากน้ำหนักทอง

น้ำหนักทองถือเป็นเรื่องสำคัญอันดับแรกที่คุณควรพิจารณาเมื่อต้องการซื้อทองรูปพรรณ เนื่องจากร้านทองส่วนใหญ่จะมีป้ายกำกับอยู่ที่ชิ้นทอง หากทางร้านออกใบรับประกันให้จะต้องบันทึกน้ำหนักลงในใบรับประกัน เพื่อความน่าเชื่อถือว่าทางร้านจะไม่สับเปลี่ยนทองที่คุณซื้อเพื่อโกงราคาในกรณีที่คุณซื้อหรือออมทองกับทางร้าน ส่วนมาตราชั่งตวงที่ร้านทองใช้จะมีหน่วยเป็นกรัม โดยมาตรฐานของทองรูปพรรณ 1 บาท จะต้องมีน้ำหนักมากกว่า 15.16 กรัม ทองครึ่งสลึงจะมีน้ำหนักอยู่ที่ 1.89 กรัม ทอง 1 สลึง จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 3.79 กรัม ทอง 2 สลึง จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 7.58 กรัม และทอง 3 สลึง จะมีน้ำหนักอยู่ที่ 11.37 กรัม น้ำหนักที่เป็น “กรัม” จะใช้ในการคิดราคาขายและราคารับซื้อคืน ดังนั้นคุณควรให้ทางร้านชั่งน้ำหนักของทองก่อนทำการซื้อขายทุกครั้ง เพื่อเช็คว่าน้ำหนักตรงตามที่ผู้ขายบอกหรือไม่

  • เลือกซื้อทองรูปพรรณจากการใช้งาน

เลือกซื้อทองรูปพรรณจากการใช้งานของตนเอง เช่น บางคนต้องการนำไปใส่ในชีวิตประจำวันตลอดทั้งวัน บางคนนำไปเก็บสะสม หรือบางคนชอบใส่เฉพาะเวลาไปออกงาน ดังนั้นควรเลือกลายและขนาดให้เหมาะกับการใช้งาน หากต้องการใส่ในชีวิตประจำวันอาจเหมาะกับลวดลายเรียบ ๆ แต่หากคุณเป็นคนที่ใส่เฉพาะตอนออกงานเท่านั้น หรือใส่บ้างถอดบ้าง ก็ควรเลือกทองรูปพรรณที่สามารถถอดออกได้ง่าย 

  • เลือกซื้อทองรูปพรรณจากลวดลาย

เลือกซื้อทองรูปพรรณจากลวดลายที่คุณชอบนั้น อย่าลืมว่าต้องคำนึงถึงเรื่องมีความแข็งแรงด้วย เนื่องจากลวดลายทองส่งผลต่อความแข็งแรงของทอง โดยลายสร้อยทองที่เป็นเส้นหนา มีน้ำหนัก เช่น ลาย 4 เสา, ลาย 6 เสา, ลายกระดูกงู, ลายเปีย, ลายซีตรอง จะมีความแข็งแรงทนทานมาก ส่วนลายสร้อยทองที่มีลักษณะโปร่งบาง หรือเป็นห่วงกลมคล้อง มีน้ำหนักเบา เช่น ลายไข่ปลา, ลายโซ่, ลายประคำคั่นโซ่ ลายปล้องอ้อย, ลายทาโร่, ลายฟิชโช่ จะมีความแข็งแรงน้อยกว่า จึงมีโอกาสชำรุดได้ง่าย

  • เลือกซื้อทองรูปพรรณจากคุณภาพ

ก่อนตัดสินใจซื้อทองรูปพรรณ ควรตรวจสอบตำหนิและรอยชำรุดของทอง ว่ามีจุดไหนที่ชำรุด มีรอยถลอก ลายบิดเบี้ยว หรือผิดแปลกไปมากน้อยแค่ไหน ก่อนจะทำการชำระเงินทุกครั้ง เพื่อให้คุณซื้อทองรูปพรรณที่มีสภาพสมบูรณ์มากที่สุด

  • เลือกซื้อทองรูปพรรณจากค่ากำเหน็จ

เมื่อต้องการซื้อทองรูปพรรณ อย่าลืมสอบถามข้อมูลกับทางร้านทองเกี่ยวกับค่ากำเหน็จ หรือค่าผลิตทองคำรูปพรรณเป็นลวดลายต่าง ๆ และค่าการตลาดของผู้ประกอบธุรกิจร้านทองเสียก่อน ทั้งนี้หากคุณซื้อทองคำที่มีมูลค่าสูงมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งมีค่ากำเหน็จต่ำลง ทำให้หาคนซื้อต่อยาก แบ่งขายลำบาก และมีโอกาสเจอทองปลอมอีกด้วย นอกจากนี้ยังต้องเสียค่าตรวจสอบทองด้วย

  • เลือกซื้อทองรูปพรรณจากราคาซื้อ-ขายอ้างอิงจากสมาคมค้าทองคำ

ราคาซื้อทองรูปพรรณตามร้านทองทั่วไปจะอิงราคาซื้อขายตามสมาคมค้าทองคำ ซึ่งเป็นสมาคมที่กำหนดค่ามาตรฐานของราคาซื้อขายทองในปัจจุบัน เพื่อป้องกันความเหลื่อมล้ำในการประกอบการค้าทอง ไม่ว่าจะเป็นเรื่องราคาทอง ค่ากำเหน็จ การกำหนดเวลาเปิด-ปิดร้าน และอื่น ๆ ที่เกี่ยวข้องกับทอง ทางที่ดีคุณควรสอบถามราคาทองเก่าที่ต้องการจะซื้อหรือขายจากร้านทองหลาย ๆ ร้าน เพื่อให้ได้ราคาที่เป็นมาตรฐานมากที่สุด โดยคุณสามารถเช็คราคาทองในแต่ละวันจากเว็บไซต์ของ สมาคมค้าทองคำ ได้โดยตรง หรือจะเช็คผ่านทางเว็บไซต์ มีทอง ME THONG ก็ได้

  • เลือกซื้อทองรูปพรรณจากร้านทองที่ได้มาตรฐาน

สำหรับใครที่ไม่มีความรู้เกี่ยวกับทองมาก่อน แต่ต้องการซื้อทองรูปพรรณ แนะนำให้เลือกร้านทองที่มีชื่อเสียง มีประสบการณ์การขายยาวนาน เนื่องจากร้านเหล่านี้จะมีหน้าร้านชัดเจนและมีใบอนุญาตซื้อ-ขายถูกต้องตามกฎหมาย เพิ่มความอุ่นใจในการซื้อขายมากขึ้น เช็คความน่าเชื่อถือของร้าน โดยเบื้องต้นพิจารณาได้จากเว็บไซต์ ช่องทางการติดต่อ และ Social Media ว่ามีความน่าเชื่อถือหรือไม่

เพราะร้านทองส่วนใหญ่จะมีช่องทางการติดต่อหลากหลายเพื่อรองรับลูกค้าที่แตกต่างกันไป นอกจากนี้อาจหารีวิวของร้านทองที่สนใจตามเว็บบอร์ดเกี่ยวกับทองเพื่อเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยในการพิจารณาเพิ่มเติม

ที่สำคัญอย่าลืมตรวจสอบระบบทางการชำระเงินว่าตรงกับชื่อร้าน หรือบริษัทที่เกี่ยวข้องหรือไม่ หากต้องการไปซื้อทองที่ร้าน หน้าร้านทองจะต้องระบุราคาทองในแต่ละวันอย่างชัดเจน ทั้งทองรูปพรรณและทองคำแท่ง มีป้ายระบุชัดเจนว่าเป็นสินค้าประเภทใดและน้ำหนักเท่าไร เนื้อทองมีสลักชื่อร้านที่ตัวเครื่องประดับอย่างชัดเจน รวมไปถึงเนื้อทองมีสลักเลขเปอร์เซ็นต์ที่ตัวเครื่องประดับอย่างชัดเจน เช่น 99.99 

             อย่างไรก็ตาม หากใครไม่สะดวกไปซื้อทองรูปพรรณที่หน้าร้าน ก็สามารถช้อปปิ้งทองคำออนไลน์กันได้ ด้วยการเลือกร้านทองออนไลน์ที่น่าเชื่อถือ และมีหน้าร้านอยู่จริง อย่างเช่น “ร้านทองมี ThongMe” ร้านทองออนไลน์ ในเครือของ SCT GOLD โดยมีหน้าร้านตั้งอยู่ที่ 99-101 ถนน เจริญกรุง แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200 เบอร์โทร 02 018 9777 เชื่อถือได้จากยอดผู้ติดตามและการกดไลก์ Facebook Page กว่า 6 หมื่นคน โดยร้านทองมีจำหน่ายทั้งทองรูปพรรณ ทองคำแท่งออนไลน์แบบ 100% เน้นการขายทองรูปพรรณ รับซื้อทองเก่า ออมทอง ผ่อนทอง และซื้อขายทองคำแท่งออนไลน์ทางแอปฯ trade plus

             การันตีความน่าเชื่อถือ ด้วยมาตรฐานของร้านทองมีที่เป็นสมาชิกของ “สมาคมค้าทองคำแห่งประเทศไทย” และเพิ่มความเชื่อมั่นให้ลูกค้าด้วยการได้รับรอง เปอร์เซ็นต์ทอง จากสถาบันตรวจอัญมณีแห่งประเทศไทย (GIT) นอกจากนี้ร้านทองมียังเป็นผู้นำเข้าทองคำ 99.99% มาตรฐานทองคำโลก LBMA อีกด้วย เพิ่มความอุ่นใจเมื่อสั่งทองออนไลน์กับร้านทองมี เพราะ ฟรี! ประกันขนส่ง มูลค่า 50,000 บาท อีกทั้งหากต้องการขายทองคืนกับร้านทองมี ไม่โดนกดราคา โดยให้ราคาหักไม่เกิน 5% ตามเกณฑ์มาตรฐาน สคบ.

สรุป

ถึงแม้การซื้อทองคำรูปพรรณ จะไม่ได้เป็นทางเลือกในการลงทุนในตลาดทองคำโลก รวมถึงไม่นิยมในการเก็บรักษาตามมูลค่า เพราะมีโอกาสที่มูลค่าจะหายไปตามน้ำหนักทองมีสูงกว่าทองคำแท่ง แต่ทองรูปพรรณก็ยังคงเป็นที่นิยมอยู่ โดยเน้นไปในเรื่องความสวยงาม และการใช้งานเป็นเครื่องประดับเป็นหลัก ซึ่งในการเลือกซื้อทองรูปพรรณ เหนือสิ่งอื่นใดควรเริ่มพิจารณาจากตนเอง

เริ่มต้นง่าย ๆ ด้วยการกำหนดวัตถุประสงค์ในการซื้อ และงบประมาณที่รับไหว โดยจะต้องพิจารณาทั้งน้ำหนักทอง การใช้งาน ลวดลายที่ชอบ คุณภาพของทอง ค่ากำเหน็จ ราคาซื้อ-ขาย และเลือกซื้อทองรูปพรรณจากร้านทองที่ได้มาตรฐาน ไม่ว่าจะซื้อที่หน้าร้านหรือออนไลน์ก็ตาม เพื่อให้ได้มาซึ่งทองรูปพรรณที่เหมาะกับตนเองมากที่สุด

Share the Post:

Related Posts

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 5 ก.ค. 2567

ตลาดทองคำพักฐาน คืนนี้ลุ้นตัวเลข NFP ชี้ทิศทางใหม่   วิเคราะห์ราคาทอง 96.5% สมาคมค้าทอง ราคาสมาคมค้าทองคำไทยเมื่อวานนี้ วันที่ 04/07/2567 ณ เวลา 16.45 น. (ครั้งที่ 8) ขายออก 40,850 รับซื้อ

Read More

บทวิเคราะห์ราคาทองคำ 4 ก.ค. 2567

คาดการณ์เฟดลดดอกเบี้ยดันทอง Spot ทะลุ $2,360 ติดตามตัวเลขจ้างงานวันศุกร์   วิเคราะห์ราคาทอง 96.5% สมาคมค้าทอง ราคาสมาคมค้าทองคำไทยเมื่อวานนี้ วันที่ 03/07/2567 ณ เวลา 17.01 น. (ครั้งที่ 7) ขายออก 40,800

Read More

นโยบายความเป็นส่วนตัว

ลูกค้า ไม่เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ผู้ติดต่อสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือบริการ บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับลูกค้าที่เป็นนิติบุคคลที่มีการทำธุรกรรมกับบริษัท เช่น ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน หุ้นส่วน ตัวแทน พนักงาน เจ้าหน้าที่ และ/หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ผู้ค้ำประกัน ผู้ให้หลักประกัน ผู้รับผลประโยชน์ บุคคลที่ได้เข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันหรือบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของบริษัท บุคคลธรรมดาทั่วไป เช่น ติดต่อกันโดยประการอื่น หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัท หรือที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลมาทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ว่าผ่านช่องทางใด

บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์สำหรับใช้ในการทำธุรกรรม การให้และ/หรือการรับบริการ การติดต่อ และการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า เช่น

  1. ข้อมูลระบุตัวบุคคล ชื่อนามสกุล เพศ วัน-เดือน-ปีเกิด อายุ สถานภาพทางการสมรส สถานภาพครอบครัว สัญชาติ ประเทศที่พำนัก ลายมือชื่อ
  2. ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาวีซ่า สำเนาใบต่างด้าว สำเนาใบอนุญาตทำงาน สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ สำเนาทะเบียนบ้าน หรือเอกสารที่ใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนที่มีลักษณะเดียวกัน) ข้อมูล KYC และ CDD อื่นๆ เป็นต้น
  3. ข้อมูลเพื่อการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามเอกสารสำคัญ ที่อยู่อาศัยปัจจุบัน และที่อยู่ในประเทศตามสัญชาติ สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร อีเมล ชื่อหรือบัญชีเข้าใช้งานสำหรับการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น LINE ID
  4. ข้อมูลความเป็นเจ้าของกิจการหรือกาประกอบอาชีพ  เช่น ประเภทธุรกิจ  ประเภทอาชีพ  ตำแหน่ง อายุงาน เอกสารอื่นใดเพื่อยืนยันการประกอบธุรกิจหรือประกอบอาชีพ
  5. ข้อมูลทางการเงินและการทำธุรกรรม   เลขที่บัญชีเงินฝาก รายการเคลื่อนไหวในบัญชีเงินฝาก เลขบัตรเครดิต/เดบิต  ข้อมูลรายได้ แหล่งที่มาของรายได้และรายจ่าย  ข้อมูลสำหรับประเมินความเสี่ยง
  6. ข้อมูลทางเทคนิค อุปกรณ์หรือเครื่องมือ ข้อมูลการใช้งานแอปพลิเคชัน  หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ รุ่นและประเภทของอุปกรณ์ เครือข่าย ข้อมูลการเชื่อมต่อ ประเภทและเวอร์ชั่นของปลั๊กอินเบราว์เซอร์ ระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์ม รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ บนอุปกรณ์ที่ท่านใช้ในการเข้าถึงแพลตฟอร์ม ข้อมูลทางเทคนิคอื่นๆ จากการใช้งานบนแพลตฟอร์มและระบบปฏิบัติการ และข้อมูลอื่นๆ              
  7. บันทึกการสื่อสารหรือการโต้ตอบระหว่างท่านกับบริษัทที่เกี่ยวข้องการทำธุรกรรมซื้อขาย  รายละเอียดเรื่องร้องเรียนหรือการออกความเห็น คำขอใช้สิทธิต่าง ๆ ผลประเมินการสำรวจความคิดเห็น บันทึกเสียง ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว คลิปบันทึกเสียง บันทึกการสื่อสารผ่าน Log/Chat – Bot  ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)

บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ซึ่งรวมถึงการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อดำเนินการตามความยินยอมของท่านและ/หรือเพื่อดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่น ๆ โดยวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของท่านหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ โดยบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอมหรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือในบางกรณี ท่านอาจอยู่ภายใต้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเหล่านั้นอีกด้วย โดยที่ผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ ตามแต่ความสัมพันธ์และการทำธุรกรรมของท่าน ดังต่อไปนี้

  1. บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท ตัวแทนของบริษัท  ผู้รับจ้างช่วงงานต่อหรือผู้ให้บริการภายนอกเพื่อประกอบธุรกิจแทนบริษัท  ทางการตลาด ส่งเสริมการขาย  การประชาสัมพันธ์  การเสนอหรือสนับสนุนการให้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัทแก่ท่าน รวมถึงผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บ เคลื่อนย้าย และจัดส่งสินค้า ผู้จัดการด้านแคมเปญและการจัดกิจกรรม ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บข้อมูลและบริการจัดเก็บข้อมูลบนเซอร์เวอร์ที่เชื่อมต่อออนไลน์
  2. บริษัทได้จำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของท่านไว้เฉพาะบุคลากร หรือพนักงานของบริษัทที่มีความจำเป็นต้องรับทราบข้อมูลของท่าน เพื่อการให้บริการทางธุรกรรมหรือบริการอำนวยความสะดวกอื่นใดแก่ท่าน เพื่อให้ท่านได้รับบริการดังกล่าว อย่างเหมาะสมและดีที่สุดจากบริษัท
  3. บริษัทอาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้ หากบริษัทเชื่อว่ามีความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือระเบียบใดๆ หรือต้องคุ้มครองสิทธิของบริษัท สิทธิของบุคคลที่สาม หรือความปลอดภัยส่วนบุคคลของบุคคลใด ๆ หรือเพื่อตรวจจับ ป้องกัน หรือแก้ไขปัญหาการทุจริต ความมั่นคง หรือความปลอดภัย

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระหว่างที่ท่านเป็นลูกค้า หรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัท หรือตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ และเมื่อท่านสิ้นสุดความสัมพันธ์กับบริษัท บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นตามระยะเวลาที่จำเป็นตามอายุความ หรือระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น จัดเก็บไว้ตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 5 – 10 ปีนับแต่ยุติความสัมพันธ์ตามแต่กรณี จัดเก็บไว้ตามกฎหมาย 10 ปี นับแต่ยุติความสัมพันธ์ เป็นต้น

ท่านสามารถใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายและกระบวนการจัดการสิทธิของบริษัท ดังต่อไปนี้

  1. สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลของท่านที่บริษัทเก็บรักษาไว้หรือขอรับสำเนาข้อมูลได้  
  2. สิทธิให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่นหรือตัวท่านเอง
  3. สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  4. สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้
  5. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว
  6. สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  7. สิทธิขอถอนความยินยอม  หากท่านได้ให้ความยินยอมให้ธนาคารเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  8. สิทธิร้องเรียน: ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น

บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จำกัด

99-101 ถนนเจริญกรุง แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

เปิดทำการ จันทร์ – ศุกร์ : เวลา 9.15 – 16.00 น.

Call Center: 02-017-0777

Gold Trading Hotline: 02-017-0770

Fax Center: 02-222-7100

E-Mail: [email protected]

บริษัทอาจทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เป็นครั้งคราวเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของการให้บริการและการดำเนินงานของบริษัท ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นจากท่าน รวมถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยนโยบาย เวอร์ชั่นล่าสุดจะประกาศบนเว็บไซต์ของบริษัทที่ https://www.methong.co/privacy-policy เพื่อให้ท่านทราบแนวทางที่บริษัทใช้ในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ME THONG ให้ความสำคัญต่อความเป็นส่วนตัว เราจะทำงานอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาความลับ และควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ปลอดภัย โดยคุณสามารถเลือกความยินยอมแบ่งเป็นหัวข้อต่างๆ ได้ โดยคลิกที่ปุ่ม เลือกตั้งค่านโยบายเพิ่มเติม

ME THONG ให้ความสำคัญต่อความเป็นส่วนตัว เราจะทำงานอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาความลับ และควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ปลอดภัย โดยคุณสามารถเลือกความยินยอมแบ่งเป็นหัวข้อต่างๆ ได้ โดยคลิกที่ปุ่ม เลือกตั้งค่านโยบายเพิ่มเติม