ทำไมทองคำถึงน่าลงทุนมากกว่าหุ้น !?
methong
methong

ทองกับหุ้น อะไรน่าลงทุนกว่ากัน ?

การลงทุนในทองคำและหุ้นเป็นวิธีการลงทุนที่แตกต่างกัน แต่ละวิธีมีข้อดีและข้อเสียที่ต้องพิจารณาก่อนตัดสินใจ เพื่อให้คุณเข้าใจดีขึ้น เราจะเขียนบทความเปรียบเทียบการลงทุนในทองคำและหุ้นในมุมมองต่าง ๆ ดังต่อไปนี้:

ลงทุนหุ้น คือ การลงทุนในหุ้นเป็นการเป็นเจ้าของหุ้นในบริษัทที่มีการซื้อขายบนตลาดหลักทรัพย์ เช่น ตลาดหลักทรัพย์ประเทศหรือตลาดหลักทรัพย์ต่างประเทศ 

ข้อดีของการลงทุนในหุ้น:

  1. โอกาสในการทำกำไรสูง: การลงทุนในหุ้นสามารถให้ผลตอบแทนที่สูงกว่าการลงทุนในทองคำในระยะยาว หุ้นบางตัวอาจมีการเติบโตอย่างรวดเร็วทำให้นักลงทุนสามารถทำกำไรได้มากขึ้น
  2. ส่วนแบ่งผลกำไร: การถือหุ้นให้เป็นเจ้าของในบริษัททำให้คุณมีส่วนแบ่งผลกำไรและสิทธิประโยชน์อื่น ๆ ที่บริษัทมี
  3. ความสามารถในการควบคุม: การลงทุนในหุ้นให้คุณมีความสามารถในการเลือกหุ้นที่ต้องการลงทุน และคุณสามารถซื้อหุ้นหรือขายหุ้นได้ตามต้องการ

ข้อเสียของการลงทุนในหุ้น:

  1. ความเสี่ยงสูง: การลงทุนในหุ้นมีความเสี่ยงสูงกว่าการลงทุนในทองคำ ราคาหุ้นสามารถเปลี่ยนแปลงได้โดยมีผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น สภาวะเศรษฐกิจ ข่าวสาร และเหตุการณ์ทางการเมือง
  2. ความผันผวน: ตลาดหุ้นมีความผันผวนสูง ราคาหุ้นอาจลดลงได้ในระยะสั้น ๆ ซึ่งอาจทำให้นักลงทุนเสี่ยงต่อการสูญเสียเงินลงทุน

ลงทุนในทองคำ คือ การลงทุนในทองคำเป็นการซื้อทองคำเพื่อรักษามูลค่าและลงทุนในทรัพย์สินที่มีความมั่นคง เรามาดูข้อดีและข้อเสียของการลงทุนในทองคำ:

ข้อดีของการลงทุนในทองคำ:

  1. การเก็บรักษามูลค่า: ทองคำมีคุณสมบัติเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงและเป็นที่ยอมรับในท้องตลาดทั่วโลก การลงทุนในทองคำสามารถช่วยรักษามูลค่าของทรัพย์สินในช่วงเวลายาวนาน
  2. การลงทุนในทองคำเป็นการกระจายความเสี่ยง: การมีทองคำในพอร์ตการลงทุนช่วยในการกระจายความเสี่ยง เมื่อมีการลดลงในตลาดหุ้นหรือตลาดอสังหาริมทรัพย์ ทองคำสามารถเป็นส่วนสำคัญในการปกป้องพอร์ตของคุณ
  3. ความมั่นคงและความน่าเชื่อถือ: ทองคำมีความ เชื่อถือและความน่าเชื่อถือในตลาดทรัพย์สิน มีประวัติยาวนานเป็นทรัพย์สินที่คุณค่าและเป็นที่ยอมรับในระดับโลก

ข้อเสียของการลงทุนในทองคำ:

  1. ผลตอบแทนที่ต่ำ: ในบางกรณี การลงทุนในทองคำอาจไม่มีผลตอบแทนที่สูงเทียบกับการลงทุนในหุ้นหรือสินทรัพย์อื่น ๆ ที่มีโอกาสในการทำกำไรสูงขึ้น
  2. ความสำคัญของตลาด: ราคาทองคำสามารถเพิ่มขึ้นหรือลดลงได้ในตลาดทองคำ และอาจได้รับผลกระทบจากปัจจัยต่าง ๆ เช่น ความเครียดทางเศรษฐกิจ ปัจจัยทางเมือง และนโยบายการเงิน

 

5 เหตุผลว่าทำไมลงทุนในทองคำดีกว่าหุ้น!

  1. รักษามูลค่า: ทองคำมีคุณสมบัติเป็นทรัพย์สินที่มีมูลค่าสูงและสามารถรักษามูลค่าได้ในระยะยาว ทองคำมีความสูงขึ้นในกระแสนโยบายเงินที่ไม่เสถียร และมีความคงที่ในเวลาของความเสี่ยงและความไม่แน่นอนในตลาดทางการเงิน
  2. การกระจายความเสี่ยง: การลงทุนในทองคำช่วยให้คุณสามารถกระจายความเสี่ยงในพอร์ตการลงทุนของคุณ ในกรณีที่ตลาดหุ้นลดลงหรือตลาดอสังหาริมทรัพย์มีปัญหา ทองคำสามารถเป็นส่วนสำคัญในการปกป้องมูลค่าของพอร์ตของคุณ
  3. ความน่าเชื่อถือและความมั่นคง: ทองคำมีประวัติยาวนานเป็นทรัพย์สินที่คุณค่าและเป็นที่ยอมรับในตลาดทั่วโลก มีความเชื่อถือและความน่าเชื่อถือในเวลาที่มีความไม่แน่นอนในเศรษฐกิจและตลาดทางการเงิน
  4. การลงทุนทองคำไม่ขึ้นกับบริษัทหรือตลาด: เมื่อคุณลงทุนในหุ้น คุณกำลังลงทุนในบริษัทเฉพาะ ที่เป็นไปได้ว่าบริษัทนั้นจะพบปัญหาหรือการเปลี่ยนแปลงในอนาคต แต่การลงทุนในทองคำไม่ขึ้นกับบริษัทเฉพาะ มันเป็นทรัพย์สินที่อิสระที่คุณควบคุมได้เอง
  5. ความเสี่ยงที่ควบคุมได้: ตลาดหุ้นมีความผันผวนและความไม่แน่นอนสูง ราคาหุ้นอาจลดลงได้ในระยะสั้น ๆ ที่อาจทำให้นักลงทุนสูญเสียเงินลงทุน ในทางตรงกันข้าม ทองคำมีความเสี่ยงที่ควบคุมได้น้อยกว่า เนื่องจากมีความคงที่และมีการเคลื่อนไหวราคาที่ค่อนข้างเรียบสม่ำเสมอ

 

อย่างไรก็ตามวิธีการ “เทรดทองคำ” ควรต้องเทรดในผู้ให้บริการที่ปลอดภับและครบวงจร อย่าง SCT Trade+ เป็นแอปพลิเคชันที่ให้บริการการซื้อขายหลากหลาย เช่น การซื้อขายที่คล่องตัว ทำให้ผู้ใช้สามารถดำเนินการซื้อขายได้อย่างรวดเร็วและสะดวกสบาย โดยสามารถเช็คราคาและทำการซื้อขายได้ตลอดเวลาที่คุณต้องการ พร้อม ข้อมูลและการวิเคราะห์ราคาทองคำแบบเรียลไทม์ รวมถึง ระบบความปลอดภัยที่มีมาตรฐานสูง >>>  เทรดกับเรา!

แท๊กของบทความนี้

แป่งปันบทความนี้ :

เรื่องอื่นๆ

นโยบายความเป็นส่วนตัว

ลูกค้า ไม่เป็นบุคคลธรรมดาหรือนิติบุคคล ผู้ติดต่อสอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์หรือบริการ บุคคลธรรมดาที่มีความเกี่ยวข้องกับลูกค้าที่เป็นนิติบุคคลที่มีการทำธุรกรรมกับบริษัท เช่น ผู้ถือหุ้น กรรมการ ผู้มีอำนาจกระทำการแทน หุ้นส่วน ตัวแทน พนักงาน เจ้าหน้าที่ และ/หรือผู้ที่ได้รับมอบหมาย ผู้ค้ำประกัน ผู้ให้หลักประกัน ผู้รับผลประโยชน์ บุคคลที่ได้เข้าชมเว็บไซต์หรือแอปพลิเคชันหรือบัญชีสื่อสังคมออนไลน์ของบริษัท บุคคลธรรมดาทั่วไป เช่น ติดต่อกันโดยประการอื่น หรือให้ข้อมูลส่วนบุคคลกับบริษัท หรือที่บริษัทได้รับข้อมูลส่วนบุคคลมาทั้งทางตรงและทางอ้อมไม่ว่าผ่านช่องทางใด

บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และหรือเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นเพื่อวัตถุประสงค์สำหรับใช้ในการทำธุรกรรม การให้และ/หรือการรับบริการ การติดต่อ และการอำนวยความสะดวกแก่ลูกค้า เช่น

  1. ข้อมูลระบุตัวบุคคล ชื่อนามสกุล เพศ วัน-เดือน-ปีเกิด อายุ สถานภาพทางการสมรส สถานภาพครอบครัว สัญชาติ ประเทศที่พำนัก ลายมือชื่อ
  2. ข้อมูลบนเอกสารที่ออกโดยหน่วยงานราชการ เช่น สำเนาบัตรประจำตัวประชาชน สำเนาหนังสือเดินทาง สำเนาวีซ่า สำเนาใบต่างด้าว สำเนาใบอนุญาตทำงาน สำเนาบัตรประจำตัวข้าราชการ/รัฐวิสาหกิจ สำเนาทะเบียนบ้าน หรือเอกสารที่ใช้ในการระบุและยืนยันตัวตนที่มีลักษณะเดียวกัน) ข้อมูล KYC และ CDD อื่นๆ เป็นต้น
  3. ข้อมูลเพื่อการติดต่อ เช่น ที่อยู่ตามเอกสารสำคัญ ที่อยู่อาศัยปัจจุบัน และที่อยู่ในประเทศตามสัญชาติ สถานที่ทำงาน หมายเลขโทรศัพท์ หมายเลขโทรศัพท์เคลื่อนที่ หมายเลขโทรสาร อีเมล ชื่อหรือบัญชีเข้าใช้งานสำหรับการติดต่อสื่อสารทางอิเล็กทรอนิกส์หรือสื่อสังคมออนไลน์ต่างๆ เช่น LINE ID
  4. ข้อมูลความเป็นเจ้าของกิจการหรือกาประกอบอาชีพ  เช่น ประเภทธุรกิจ  ประเภทอาชีพ  ตำแหน่ง อายุงาน เอกสารอื่นใดเพื่อยืนยันการประกอบธุรกิจหรือประกอบอาชีพ
  5. ข้อมูลทางการเงินและการทำธุรกรรม   เลขที่บัญชีเงินฝาก รายการเคลื่อนไหวในบัญชีเงินฝาก เลขบัตรเครดิต/เดบิต  ข้อมูลรายได้ แหล่งที่มาของรายได้และรายจ่าย  ข้อมูลสำหรับประเมินความเสี่ยง
  6. ข้อมูลทางเทคนิค อุปกรณ์หรือเครื่องมือ ข้อมูลการใช้งานแอปพลิเคชัน  หมายเลขประจำเครื่องคอมพิวเตอร์ รุ่นและประเภทของอุปกรณ์ เครือข่าย ข้อมูลการเชื่อมต่อ ประเภทและเวอร์ชั่นของปลั๊กอินเบราว์เซอร์ ระบบปฏิบัติการและแพลตฟอร์ม รวมถึงเทคโนโลยีอื่น ๆ บนอุปกรณ์ที่ท่านใช้ในการเข้าถึงแพลตฟอร์ม ข้อมูลทางเทคนิคอื่นๆ จากการใช้งานบนแพลตฟอร์มและระบบปฏิบัติการ และข้อมูลอื่นๆ              
  7. บันทึกการสื่อสารหรือการโต้ตอบระหว่างท่านกับบริษัทที่เกี่ยวข้องการทำธุรกรรมซื้อขาย  รายละเอียดเรื่องร้องเรียนหรือการออกความเห็น คำขอใช้สิทธิต่าง ๆ ผลประเมินการสำรวจความคิดเห็น บันทึกเสียง ภาพถ่าย ภาพเคลื่อนไหว คลิปบันทึกเสียง บันทึกการสื่อสารผ่าน Log/Chat – Bot  ภาพนิ่งหรือภาพเคลื่อนไหวจากกล้องโทรทัศน์วงจรปิด (CCTV)

บริษัทเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเท่าที่จำเป็นภายใต้วัตถุประสงค์อันชอบด้วยกฎหมายของบริษัท ซึ่งรวมถึงการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลเพื่อการปฏิบัติตามสัญญาซึ่งท่านเป็นคู่สัญญา เพื่อปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมาย เพื่อประโยชน์โดยชอบด้วยกฎหมายเพื่อดำเนินการตามความยินยอมของท่านและ/หรือเพื่อดำเนินการภายใต้ฐานทางกฎหมายอื่น ๆ โดยวัตถุประสงค์ในการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลตามนโยบายฉบับนี้

บริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่ผู้อื่นภายใต้ความยินยอมของท่านหรือภายใต้หลักเกณฑ์ที่กฎหมายอนุญาตให้เปิดเผยได้ โดยบุคคลหรือหน่วยงานที่เป็นผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลดังกล่าวจะเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านตามขอบเขตที่ท่านได้ให้ความยินยอมหรือขอบเขตที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ หรือในบางกรณี ท่านอาจอยู่ภายใต้นโยบายการคุ้มครองข้อมูลส่วนบุคคลของผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเหล่านั้นอีกด้วย โดยที่ผู้รับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านอาจอยู่ในประเทศไทยหรือต่างประเทศ โดยบริษัทอาจเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้แก่บุคคลหรือหน่วยงานต่างๆ ตามแต่ความสัมพันธ์และการทำธุรกรรมของท่าน ดังต่อไปนี้

  1. บริษัทอื่นในกลุ่มธุรกิจของบริษัท พันธมิตรทางธุรกิจของบริษัท ตัวแทนของบริษัท  ผู้รับจ้างช่วงงานต่อหรือผู้ให้บริการภายนอกเพื่อประกอบธุรกิจแทนบริษัท  ทางการตลาด ส่งเสริมการขาย  การประชาสัมพันธ์  การเสนอหรือสนับสนุนการให้ผลิตภัณฑ์และ/หรือบริการของบริษัทแก่ท่าน รวมถึงผู้ให้บริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บ เคลื่อนย้าย และจัดส่งสินค้า ผู้จัดการด้านแคมเปญและการจัดกิจกรรม ผู้ให้บริการด้านการจัดเก็บข้อมูลและบริการจัดเก็บข้อมูลบนเซอร์เวอร์ที่เชื่อมต่อออนไลน์
  2. บริษัทได้จำกัดการเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวของท่านไว้เฉพาะบุคลากร หรือพนักงานของบริษัทที่มีความจำเป็นต้องรับทราบข้อมูลของท่าน เพื่อการให้บริการทางธุรกรรมหรือบริการอำนวยความสะดวกอื่นใดแก่ท่าน เพื่อให้ท่านได้รับบริการดังกล่าว อย่างเหมาะสมและดีที่สุดจากบริษัท
  3. บริษัทอาจจำเป็นต้องเปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านแก่หน่วยงานภาครัฐ หน่วยงานกำกับดูแล และหน่วยงานอื่นๆ ตามที่กฎหมายอนุญาต หรือกำหนดไว้ หากบริษัทเชื่อว่ามีความจำเป็นที่จะต้องปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายหรือระเบียบใดๆ หรือต้องคุ้มครองสิทธิของบริษัท สิทธิของบุคคลที่สาม หรือความปลอดภัยส่วนบุคคลของบุคคลใด ๆ หรือเพื่อตรวจจับ ป้องกัน หรือแก้ไขปัญหาการทุจริต ความมั่นคง หรือความปลอดภัย

บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านในระหว่างที่ท่านเป็นลูกค้า หรือมีความสัมพันธ์อยู่กับบริษัท หรือตามระยะเวลาที่จำเป็นเพื่อให้บรรลุวัตถุประสงค์ที่เกี่ยวข้องในนโยบายฉบับนี้ และเมื่อท่านสิ้นสุดความสัมพันธ์กับบริษัท บริษัทจะเก็บรักษาข้อมูลส่วนบุคคลของท่านไว้ต่อไปภายหลังจากนั้นตามระยะเวลาที่จำเป็นตามอายุความ หรือระยะเวลาที่กฎหมายกำหนดหรืออนุญาตไว้ เช่น จัดเก็บไว้ตามกฎหมายป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน 5 – 10 ปีนับแต่ยุติความสัมพันธ์ตามแต่กรณี จัดเก็บไว้ตามกฎหมาย 10 ปี นับแต่ยุติความสัมพันธ์ เป็นต้น

ท่านสามารถใช้สิทธิเกี่ยวกับข้อมูลส่วนบุคคลของท่านได้ตามเงื่อนไขที่กำหนดไว้ในกฎหมายและกระบวนการจัดการสิทธิของบริษัท ดังต่อไปนี้

  1. สิทธิขอเข้าถึงข้อมูลของท่านที่บริษัทเก็บรักษาไว้หรือขอรับสำเนาข้อมูลได้  
  2. สิทธิให้โอนย้ายข้อมูลส่วนบุคคลของท่านที่ท่านให้ไว้กับบริษัทไปยังผู้ควบคุมข้อมูลรายอื่นหรือตัวท่านเอง
  3. สิทธิคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ หรือเปิดเผยข้อมูลของท่าน ท่านมีสิทธิขอคัดค้านการเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  4. สิทธิขอให้ลบหรือทำลายข้อมูล ท่านมีสิทธิขอลบหรือทำลายข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน หรือทำให้ข้อมูลส่วนบุคคลเป็นข้อมูลที่ไม่สามารถระบุตัวท่านได้
  5. สิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูล ท่านมีสิทธิขอให้ระงับการใช้ข้อมูลส่วนบุคคลชั่วคราว
  6. สิทธิขอให้แก้ไขข้อมูล ท่านมีสิทธิขอแก้ไขข้อมูลส่วนบุคคลของท่านให้ถูกต้อง เป็นปัจจุบัน สมบูรณ์ และไม่ก่อให้เกิดความเข้าใจผิด
  7. สิทธิขอถอนความยินยอม  หากท่านได้ให้ความยินยอมให้ธนาคารเก็บรวบรวม ใช้ และ/หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน
  8. สิทธิร้องเรียน: ท่านมีสิทธิร้องเรียนต่อผู้มีอำนาจตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง หากท่านเชื่อว่าการเก็บรวบรวม ใช้ และ/ หรือ เปิดเผยข้อมูลส่วนบุคคลของท่านเป็นการกระทำในลักษณะที่ฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามกฎหมายที่เกี่ยวข้อง การใช้สิทธิของท่านดังกล่าวข้างต้นอาจถูกจำกัดภายใต้กฎหมายที่เกี่ยวข้อง หรือไม่สามารถดำเนินการตามคำขอใช้สิทธิข้างต้นของท่านได้ เช่น ต้องปฏิบัติตามกฎหมายหรือคำสั่งศาล เพื่อประโยชน์สาธารณะ การใช้สิทธิอาจละเมิดสิทธิหรือเสรีภาพของบุคคลอื่น เป็นต้น

บริษัท ซินเนอร์จี้ คอมโมดิตี้ส์ เทรด จำกัด

99-101 ถนนเจริญกรุง แขวงวังบูรพาภิรมย์ เขตพระนคร กรุงเทพฯ 10200

เปิดทำการ จันทร์ – ศุกร์ : เวลา 9.15 – 16.00 น.

Call Center: 02-017-0777

Gold Trading Hotline: 02-017-0770

Fax Center: 02-222-7100

E-Mail: [email protected]

บริษัทอาจทบทวนและเปลี่ยนแปลงนโยบายความเป็นส่วนตัวนี้เป็นครั้งคราวเพื่อให้สอดคล้องกับการเปลี่ยนแปลงของการให้บริการและการดำเนินงานของบริษัท ข้อเสนอแนะและความคิดเห็นจากท่าน รวมถึงข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้อง โดยนโยบาย เวอร์ชั่นล่าสุดจะประกาศบนเว็บไซต์ของบริษัทที่ https://www.methong.co/privacy-policy เพื่อให้ท่านทราบแนวทางที่บริษัทใช้ในการปกป้องข้อมูลส่วนบุคคลของท่าน

ME THONG ให้ความสำคัญต่อความเป็นส่วนตัว เราจะทำงานอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาความลับ และควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ปลอดภัย โดยคุณสามารถเลือกความยินยอมแบ่งเป็นหัวข้อต่างๆ ได้ โดยคลิกที่ปุ่ม เลือกตั้งค่านโยบายเพิ่มเติม

ME THONG ให้ความสำคัญต่อความเป็นส่วนตัว เราจะทำงานอย่างดีที่สุดเพื่อรักษาความลับ และควบคุมข้อมูลส่วนบุคคลของคุณให้ปลอดภัย โดยคุณสามารถเลือกความยินยอมแบ่งเป็นหัวข้อต่างๆ ได้ โดยคลิกที่ปุ่ม เลือกตั้งค่านโยบายเพิ่มเติม